Browse By

Monthly Archives: October 2025

ทีมชาติอังกฤษ ประกาศรายชื่อกลุ่มผู้เล่นติดธงเตะ เวิลด์ คัพ 2026

โลกฟุตบอลอังกฤษกลับมาสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อ โธมัส ทูเคิ่ล (Thomas Tuchel) เฮดโค้ชชาวเยอรมันของ ทีมชาติอังกฤษ ได้ออกมาประกาศรายชื่อผู้เล่นชุดใหญ่ สำหรับลงทำศึกนัดกระชับมิตรในช่วงพักเบรกทีมชาติเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนลุยศึก ฟุตบอลโลก 2026 (FIFA World Cup 2026) ที่จะจัดขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือ รายชื่อของนักเตะที่ถูกเรียกติดทีมในครั้งนี้ สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลทั่วประเทศ เพราะทูเคิ่ลได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ที่เน้นการผสมผสานระหว่าง “ประสบการณ์และพลังหนุ่ม” เพื่อสร้างทีมที่มีทั้งความแข็งแกร่งทางเทคนิคและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ นี่คือครั้งแรกที่แฟนบอลอังกฤษได้เห็นทิศทางที่ชัดเจนของทีมภายใต้การคุมทัพของทูเคิ่ล หลังจากเจ้าตัวเข้ามารับตำแหน่งต่อจากแกเร็ธ เซาธ์เกตเมื่อปลายปีที่ผ่านมา การปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นของทีมชาติอังกฤษในยุคนี้จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะทูเคิ่ลขึ้นชื่อว่าเป็นกุนซือที่ละเอียดรอบคอบ มีวิสัยทัศน์เชิงแท็กติกที่ชัดเจน และกล้าตัดสินใจในเรื่องที่แฟนบอลหลายคนอาจไม่คาดคิด การประกาศรายชื่อผู้เล่นของทูเคิ่ลครั้งนี้จัดขึ้นที่ศูนย์ฝึกเซนต์จอร์จส์ พาร์ก ท่ามกลางสื่อจากทั่วโลก โดยกุนซือชาวเยอรมันกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง แต่เพื่อพัฒนาในสิ่งที่ทีมนี้มีอยู่แล้วให้แข็งแกร่งขึ้น ผมเห็นศักยภาพในนักเตะอังกฤษมากมาย พวกเขามีความสามารถระดับโลก แต่สิ่งที่เราต้องเสริมคือความสม่ำเสมอและวินัยในแท็กติก เกมอุ่นเครื่องที่กำลังจะมาถึงคือโอกาสในการทดลองและสร้างสมดุลที่เหมาะสมสำหรับทีมชุดฟุตบอลโลก 2026” รายชื่อที่ประกาศออกมามีทั้งความคาดหมายและเซอร์ไพรส์ นักเตะอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซื้อ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ในราคาที่สูงเกินไป

เสียงวิจารณ์แสดงความเห็นเชิงสงสัยต่อดีลล่าสุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ที่ตัดสินใจคว้าตัว ไบรอัน เอ็มเบอโม่ (Bryan Mbeumo) ปีกจอมพลังจาก เบรนท์ฟอร์ด (Brentford) มาร่วมทีม ด้วยค่าตัวมหาศาลที่คาดว่ามากกว่า 65 ล้านปอนด์ โดยกัลลาสตั้งคำถามว่า “ค่าตัวนี้สูงเกินจริง” และเชื่อว่าปีศาจแดงอาจกำลัง “จ่ายแพงเกินกว่าความเป็นจริงของผลงานนักเตะ” ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาการบริหารจัดการในตลาดนักเตะที่ยังคงเป็นจุดอ่อนของสโมสรในยุคปัจจุบัน ดีลดังกล่าวกลายเป็นข่าวใหญ่ในอังกฤษทันทีที่ประกาศออกมา เพราะเอ็มเบอโม่ถือเป็นนักเตะที่ได้รับการยกย่องในเรื่องของความขยันและพลังการเล่น แต่ยังไม่เคยผ่านการพิสูจน์ตัวเองในระดับสโมสรใหญ่หรือเกมยุโรประดับสูงมาก่อน เขาเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นให้กับเบรนท์ฟอร์ดในช่วงสองฤดูกาลหลัง ยิงได้รวมกว่า 20 ประตูในพรีเมียร์ลีก และมีบทบาทสำคัญในระบบของโธมัส แฟรงค์ อย่างไรก็ตาม ค่าตัวระดับเกิน 60 ล้านปอนด์สำหรับผู้เล่นที่ยังไม่ติดท็อปคลาสในวงกว้าง ก็กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายหยิบมาถกเถียง กัลลาสให้สัมภาษณ์กับสื่อฝรั่งเศส L’Équipe ว่า “ผมชอบเอ็มเบอโม่ เขาเป็นนักเตะที่มีพลังและมีความมุ่งมั่น แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะเปลี่ยนเกมให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้หรือไม่ ค่าตัวที่จ่ายไปนั้นสูงเกินไปสำหรับผู้เล่นที่ยังไม่พิสูจน์ตัวเองในระดับสูงสุดของยุโรป มันดูเหมือนการซื้อที่เกิดจากแรงกดดันมากกว่าการวางแผนระยะยาว”

ปีเตอร์ เคร้าช์ มองลิเวอร์พูลงานหนักแต่เชื่อทุบเชลซีได้

เสียงจากอดีตดาวยิงระดับตำนานของถิ่นแอนฟิลด์กลับมาอีกครั้ง เมื่อ ปีเตอร์ เคร้าช์ (Peter Crouch) อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อชื่อดังในประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับเกมบิ๊กแมตช์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีก ระหว่าง ลิเวอร์พูล (Liverpool) และ เชลซี (Chelsea) โดยเจ้าตัวมองว่าแม้เกมนี้จะเป็นงานหนักของทีมหงส์แดง แต่ยังเชื่อมั่นในคุณภาพของทีมภายใต้การนำของกุนซือ อาร์เน่ สลอต (Arne Slot) ว่าจะสามารถ “ทุบเชลซี” คว้าสามคะแนนได้ในที่สุด พร้อมชี้ว่าปัจจัยสำคัญอยู่ที่จังหวะการเข้าทำและพลังของแฟนบอลในถิ่นแอนฟิลด์ ที่ยังคงเป็นอาวุธร้ายแรงสำหรับทีมชุดนี้เสมอ การพบกันระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซี ถือเป็นหนึ่งในคู่ดาร์บี้แมตช์ที่แฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้ารอ เพราะทั้งสองทีมมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการขับเคี่ยวกันในทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก เอฟเอ คัพ หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เกมนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการชิงสามแต้ม แต่ยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของสองทีมใหญ่แห่งเกาะอังกฤษที่มีสไตล์แตกต่างกันอย่างชัดเจน ฝั่งลิเวอร์พูลเน้นเกมรุกที่รวดเร็วและการเพรสซิ่งสูง ส่วนเชลซีภายใต้การนำของเอ็นโซ มาเรสก้า เน้นการครองบอลและการต่อเกมอย่างมีชั้นเชิง เคร้าช์ ซึ่งเคยลงเล่นให้ลิเวอร์พูลระหว่างปี 2005 ถึง

ฮันซี่ ฟลิค แสดงความมั่นใจถึงแฟนบอลในการคว้าแชมป์ยุโรป

ค่ำคืนแห่งความคึกคักในแคว้นกาตาลุนญา กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อ ฮันซี่ ฟลิค (Hansi Flick) ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันของ บาร์เซโลน่า (FC Barcelona) ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อสเปนและแฟนบอลทั่วโลก พร้อมส่งสารถึง “กูเล่ส์” ว่า เขาและลูกทีมกำลังเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อไล่ล่าความสำเร็จครั้งใหม่ในเวทียุโรป โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ “การนำแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลับสู่คัมป์นูอีกครั้ง” คำพูดของฟลิคไม่เพียงสร้างความฮือฮาในหมู่แฟนบอลบาร์เซโลน่า แต่ยังส่งคลื่นแห่งความหวังและพลังบวกให้กับทั้งสโมสรที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัว บาร์เซโลน่าในยุคของฮันซี่ ฟลิค กำลังค่อย ๆ กลับมามีโครงสร้างของ “ทีมที่มีจิตวิญญาณแห่งแชมป์” อีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งในและนอกสนามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของกุนซือชาวเยอรมันวัย 59 ปี ทีมดูมีทิศทางชัดเจนขึ้น ฟลิคเข้ามาพร้อมกับปรัชญาที่เน้น “การเพรสซิ่งเร็ว, ความเข้มข้นในเกมรุก และระเบียบในเกมรับ” ซึ่งเป็นแนวทางที่เขาเคยใช้พา บาเยิร์น มิวนิค คว้าทริปเปิลแชมป์ในปี 2020 และกำลังนำมาปรับใช้กับทัพต่างดาวในตอนนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

คริสตัล พาเลซ สร้างสถิติใหม่ของสโมสร ด้วยผลงานไร้พ่าย 19 เกม

ค่ำคืนแห่งความภาคภูมิใจของแฟนบอล “ปราสาทเรือนแก้ว” เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ คริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) สโมสรดังจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับต้นสังกัด หลังทำสถิติ “ไร้พ่าย 19 นัดติดต่อกัน” ในทุกรายการ กลายเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรนับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1905 และสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและความก้าวหน้าอย่างแท้จริงภายใต้การนำของกุนซือ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ (Oliver Glasner) ที่กำลังพาทีมเดินหน้าสู่ยุคทองของสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย จากทีมที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียง “มิดเทเบิลคลับ” หรือทีมกลางตารางธรรมดาในพรีเมียร์ลีก คริสตัล พาเลซ กลับกลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีรูปแบบการเล่นที่น่าจับตาที่สุดในฤดูกาลนี้ ภายใต้แท็กติกที่เน้นความเป็นระบบ การเพรสซิ่งอย่างมีระเบียบ และการสร้างเกมสวนกลับที่รวดเร็วเฉียบขาด ทีมของกลาสเนอร์สามารถรักษาความต่อเนื่องของฟอร์มการเล่นได้อย่างน่าทึ่ง พวกเขาไม่แพ้ใครใน 19 นัดติดต่อกัน รวมถึงในศึกพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นถึง “พาเลซยุคใหม่”